A Different Standard – THA
“ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์” ( มัทธิว 5: 16)
คุณมีชีวิตที่อยู่ห่างไกลจากวิถีชีวิตของโลกอย่างไร? ผู้คนแปลกใจไหมที่พวกเขารู้ว่าคุณเป็นคริสเตียน? คุณมีการประนีประนอมความเชื่อของคุณเพื่อให้เข้ากับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานของคุณหรือไม่? หรือคุณพยายามทำทุกอย่างตามแผนการของพระเจ้าที่มีไว้ให้กับชีวิตคุณ?
ช่วงที่ดาเนียลและเพื่อนๆ ของเขาศึกษาอยู่ในพระราชวังบาบิโลน พวกเขาได้รับอาหารที่เป็นมลทินต่อร่างกาย ไม่ถูกต้องตามบัญญัติของชาวอิสราเอล ชาวบาบิโลนไม่เพียงกินสิ่งที่ชาวยิวถือว่าไม่สะอาดเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขากินยังผ่านการถวายบูชารูปเคารพของชาวบาบิโลนด้วย
แทนที่ดาเนียลจะทำตามวิถีชีวิตใหม่ในเรื่องอาหาร เขาจำได้ว่าพระเจ้าเรียกเขา ประทานความรู้ ความเข้าใจให้เขาในการใช้มาตรฐานที่แตกต่าง ดาเนียลรู้ว่าพระเจ้าต้องการให้เขาเปลี่ยนโลก ไม่ใช่ให้โลกเปลี่ยนเขา
ดังนั้น ดาเนียล จึงเสนอการทดลองที่จะทดสอบผลของมาตรฐานด้านอาหารที่ดีที่พระเจ้าทรง ประทานแก่พวกเขา กับมาตรฐานด้านอาหารของชาวบาบิโลน ดาเนียลไม่โต้เถียงกับพวกที่จับกุมเขา เขาไม่ได้ดูหมิ่นวิถีทาง มาตรฐานของพวกเขา เขาเพียงต้องการชี้ให้เห็นว่าอาหารตามมาตรฐานแบบดั้งเดิมของเขาจะช่วยร่างกายเขาได้ดีกว่า และในที่สุดดาเนียลก็ได้พิสูจน์ความจริงผ่านการกระทำของเขา
เมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ไร้ความเป็นธรรม เราต้องจำไว้ว่าเราถูกเรียกให้ประพฤติตามแบบพระเจ้า ไม่ว่าเราจะเผชิญแรงกดดันอะไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการนำพระคำพระเจ้ามาโต้เถียงเพื่อชี้ประเด็น แต่เราควรดำเนินชีวิตตามความเชื่อและความรักแบบคริสเตียน “จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อมีคนติเตียนท่านว่าประพฤติชั่ว เขาจะได้เห็นการดีของท่าน และเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา” (1 เปโตร 2:12)
คำอธิษฐาน: ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานของพระองค์ ไม่ใช่มาตรฐานของโลก ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ที่จะสำแดงการกระทำที่มาจากพระองค์เสมอแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน
Set Apart – THA
“คนเหล่านั้นได้ตายไปขณะที่มีความเชื่อเต็มที่ และไม่ได้รับสิ่งที่ได้ทรงสัญญาไว้ แต่เขาก็ได้เห็นและได้เตรียมรับไว้ตั้งแต่ไกล และรู้ดีว่าเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก” (ฮีบรู11:13)
คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้อยู่ในวัฒนธรรมของเรา หรือว่าคุณเป็นคนต่างชาติในดินแดนของคุณเอง? ในฐานะคริสเตียน เราถูกแยกออกจากโลก ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังอาศัยอยู่ในดินแดนแปลก ๆ ขอให้ชื่นชมยินดีที่รู้ว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระเจ้า ไม่ใช่อาณาจักรของโลกนี้: “.แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ . .ดูก่อนท่านที่รัก ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นข้าศึกต่อวิญญาณจิตของท่าน” (1 เปโตร 2:9, 11)
เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณถูกครอบงำโดยเงาของโลกและอยู่ตามลำพังในความจริง ขอให้คุณมองตัวอย่างของดาเนียล ไม่ว่าจะมีสิ่งล่อใจใดหรือแรงกดดันอะไรเกิดขึ้นกับเขา ดาเนียลจะระลึกเสมอว่าเขาถูกแยกออกจากโลกนี้ การรู้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพระเจ้าและพระเจ้าอยู่เคียงข้างเขา ทำให้ดาเนียลมีกำลังที่จะเผชิญโลก
พระเจ้าเรียกเราสู่มาตรฐานและคุณธรรมของพระองค์—ไม่ใช่ของคนรอบข้างเรา และเมื่อเราปฏิบัติตามสิ่งที่ชอบธรรม เราต้องยืนหยัดเพื่อความชอบธรรมด้วย เมื่อเราถูกเยาะเย้ยเพราะความเชื่อของเรา เราต้องยึดมั่นในอัตลักษณ์ของเราซึ่งมีในพระคริสต์ การท้าทายสภาพที่เป็นอยู่จะไม่ง่าย แต่เราต้องยืนหยัดในความเชื่อของเรา มิฉะนั้นเราจะจมอยู่ในกระแสของโลกนี้
คำอธิษฐาน: ข้าแต่พระเจ้า บางครั้งข้าพระองค์รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ในโลกนี้ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้จดจำว่าข้าพระองค์เป็นของอาณาจักรของพระองค์ ทรงช่วยข้าพระองค์ให้ทำตามแบบอย่างของดาเนียลและยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน
Empowered for Self Control – THA
“ท่านจงอุตส่าห์จนสุดกำลัง ที่จะเอาคุณธรรมเสริมความเชื่อ เอาความรู้เพิ่มคุณธรรม เอาความเหนี่ยวรั้งตนเพิ่มความรู้ ” (2 เปโตร 1:5-6)
คุณพ่อคนหนึ่งบอกกับลูกสาวซึ่งใช้เวลามากมายกับการดูโทรทัศน์ ให้เธอเริ่มท่องจำข้อพระคัมภีร์ โดยเขาเลือกข้อพระคัมภีร์จากพระธรรมกาลาเทีย เป็นบทเริ่มต้น
เมื่อลูกสาวท่องขึ้นใจแล้ว เธอจึงเริ่มบอกถึงรายการสิ่งที่เป็นผลของพระวิญญาณว่าคือ “ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปราณี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม และการควบคุมระยะไกล (รีโมทคอนโทรล)”
เมื่อมาถึงหัวข้อ การควบคุมตนเอง พวกเราหลายคนจะหลีกเลี่ยงประเด็นนี้ บางที่เราอยากคิดจะหาทางที่จะนำความคิด และอารมณ์ของเราไว้ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า แทนที่เราจะรับผิดชอบต่อการกระทำและการตัดสินใจของเรา เรากลับคิดว่าคงจะเป็นการง่ายกว่าที่จะให้พระเจ้าควบคุมเรา
อย่างไรก็ตาม พระเจ้ามีแผนการที่สร้างสรรค์กว่าผ่านทางความคิดจิตใจและทางพระเยซูคริสต์ พระองค์ได้ประทานความสามารถให้แก่เราที่จะเลือกสิ่งที่ถูกต้องแทนสิ่งผิด และการควบคุมตนเองเหนือแรงกระตุ้นทางอารมณ์
เปาโล เตือนว่า
เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร……..จงประกอบด้วยพระวิญญาณ จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือ ร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่าน ถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดา สำหรับสิ่งสารพัดเสมอ……..(เอเฟซัส 5:15-20)
อย่าปล่อยให้ใจของคุณติดอยู่กับทัศนะที่มีการควบคุมทางไกล จงลงลึกลงในพระคำของพระเจ้า เรียนรู้ความหมายของการควบคุมตนเอง อธิษฐานขอพระเจ้าช่วยคุณให้สะท้อนความรักของพระองค์ และการควบคุมตนเองของคุณไปสู่ผู้อื่นที่กำลังหัวหมุนจากการสูญเสียการควบคุมตนเอง ให้คุณได้หนุนใจและเสริมแรงเขาเหล่านั้นท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก
คำอธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าที่อ่อนโยน ทรงเป็นพระเจ้าที่ไม่ควบคุมบังคับ โปรดสำแดงหนทางที่ข้าพระองค์จะดำเนินชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณของพระองค์ที่ทรงเมตตาประทานให้ข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และดำเนินชีวิตในความสมบูรณ์ของพระคริสต์ เพื่อพระองค์จะได้รับเกียรติ อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน
Meekness and Courage – THA
“จงมีใจถ่อมลงทุกอย่าง ใจอ่อนสุภาพ อดทนนาน และอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” (เอเฟซัส 4:2)
บ่อยครั้งเราเชื่อว่าสิ่งที่เรารับรู้เป็นความจริง แต่หลายครั้งก็ไม่เป็นเช่นนั้น
ศัตรูจะไวต่อการหลอกล่อเราให้หลงเชื่อในบางสิ่งเกี่ยวกับผู้อื่นซึ่งอาจไม่เป็นความจริง จงจำไว้เถิดว่า พระเจ้าทรงสร้างเราด้วยพระประสงค์ให้เรามีสามัคคีธรรมเบื้องต้นกับพระองค์ ต่อมากับผู้อื่น
ทันทีที่เรายอมรับเอาพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ศัตรูก็รู้ว่ามันไม่สามารถครอบครองจิตวิญญาณของเราได้อีกต่อไป เราได้รับการปกป้องโดยพระคุณของพระเจ้า
อย่างไรก็ตาม มันไม่เคยที่จะยอมถอยออกห่างสิ่งท้าทายนี้ และตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะเข้ามาก่อกวนอีก ถ้าเป็นได้ก็จะทำลายสามัคคีธรรมระหว่างเรากับพระเจ้า และกับคนที่เรารัก เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่เราต้องฟังเสียงจากพระเจ้าเท่านั้น ขณะที่เราได้รับประโยชน์จากคำแนะนำของเพื่อนผู้เชื่อ ก็มีอันตรายที่เกิดจากการที่เราพลาดจากสิ่งที่พระเจ้ามีพระประสงค์จะให้เราได้เห็นหรือเรียนรู้ด้วยตัวของเราเอง
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ให้คุณทูลขอต่อพระเจ้าให้ทรงสำแดงสัจจะที่ชัดเจนในใจของคุณ การรับรู้แบบผิดๆ เป็นสาเหตุของการเข้าใจผิด จงตั้งเป้าหมายที่ขจัดความหยิ่งทะนงออกไป เพื่อจะได้เข้าใจแรงจูงใจที่แท้จริงของผู้อื่น แล้วจงอ่อนน้อมและให้อภัยตามที่จำเป็นผ่านการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์
บ่อยครั้งเราเห็นว่า การนอบน้อมคือความอ่อนแอ แท้จริงแล้วคนนอบน้อมไม่ได้อ่อนแอหรือขี้ขลาด ความจริงแล้ว ความอ่อนหรือความสุภาพในทางพระคัมภีร์ คือความกล้าหาญ ความเชื่อมั่น และความเข้มแข็งที่อยู่ภายใต้ความควบคุม พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราชื่นชมยินดีกับความอ่อนน้อมซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณ เมื่อเราเรียนรู้ที่จะพักสงบในพระเจ้า และยอมให้พระองค์ทำงานผ่านตัวเรา ความอ่อนน้อมของพระองค์จะสำแดงในชีวิตเรา ช่วยเราให้ดำเนินท่ามกลางการใช้เวลากับพระเจ้าและสามัคคึธรรมกับผู้อื่นด้วย
คำอธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ ที่จะมีการไตร่ตรองแทนการต่อต้านในสถานการณ์ที่เจ็บปวด โปรดสำแดงความผิดพลาดของข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะได้ขอการให้อภัย ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้มองเห็นลึกในจิตใจของผู้ที่ข้าพระองค์มีความขัดแย้ง เพื่อข้าพระองค์จะมีใจเมตตาเขา โปรดให้ข้าพระองค์ส่งต่อการให้อภัยเช่นเดียวกับที่ข้าพระองค์ได้รับการยกโทษ ขอบพระคุณสำหรับความอ่อนน้อมและความกล้าหาญของพระองค์ อธิษฐานในนามพระเยซู อาเมน
Demonstrate God’s Goodness – THA
“คนดีก็ย่อมเอาของดีออกจากคลังดีแห่งใจของตน และคนชั่วก็ย่อมเอาของชั่วจากคลังชั่วแห่งใจของตน ด้วยใจเต็มด้วยอะไรปากก็พูดออกมาอย่างนั้น” (ลูกา6:45 )
ความดีงามของพระเจ้าที่อยู่ในชีวิตเรา จะถูกเปิดเผยผ่านการกระทำของเรา เมื่อเรายอมรับพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราสามารถเป็นคนดีได้เพียงแค่เราดำเนินชีวิตเพื่อพระเยซูคริสต์ หากปราศจากพระองค์แล้ว เราทำอะไรไม่ได้เลย
พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ผู้ที่ดีมีแต่ผู้เดียว” และแน่นอนผู้นั้นคือพระเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล (มัทธิว 19:17) เมื่อมนุษย์ล้มลงในความบาป เราจึงถูกแยกออกจากพระเจ้า ไร้ความสามารถที่จะเป็นคนดีได้อย่างครบบริบูรณ์ (ดู อิสยาห์ 59:2) แต่เราได้ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยพระคริสต์และโดยพระวิญญาณของพระองค์ เราจึงสามารถสวมตัวเราเองด้วยสิ่งดังนี้ “จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน” (โคโลสี 3:12) นี่คือความดีที่มาจากพระทัยของพระเจ้าซึ่งถูกบ่มเพาะไว้ในเราเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ครอบครองในชีวิต และเมื่อเราขจัดความปรารถนาที่เห็นแก่ตัวของเราออกไป
ชาวสะมาเรียผู้ใจดีเสียสละด้านทรัพย์สินและชื่อเสียงของเขาเพื่อช่วยเหลือคนที่เขาไม่รู้จัก ขอให้คุณใช้เวลาสักครู่เพื่ออ่านเรื่องนี้ในพระธรรมลูกา 10:30-37 จะเห็นได้ว่าการกระทำที่ดีงามเช่นนี้เกิดจากพระทัยของพระเจ้าเท่านั้น
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะพบปะคนที่ไม่ค่อยระมัดระวังคำพูดและการกระทำของเขา ความเป็นตัวตนของเราคงต้องการที่จะโต้กลับ แต่เราต้องกำหนดจุดยืนที่เราจะเพ่งมองไปที่เจตนาลึกๆในใจของเรา แล้วถามตัวเองว่า “ผม/ฉันกำลังจะสำแดงความดีงามของพระเจ้า หรือความชอบธรรมของตนเอง?”
พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่ภายในเรา เป็นผู้นำทางเราไปสู่ความดีงามของพระเจ้าซึ่งจะสะท้อนออกมาผ่านความรักและความเมตตา ที่เราส่งต่อไปถึงผู้อื่นแม้กระทั่งกับคนที่ไม่น่ารัก ครั้งต่อไปหากคุณเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ขอให้ใช้เวลาในการอธิษฐานต่อพระเจ้า ขอให้พระองค์เสด็จเข้ามาครอบครองชีวิตของคุณ
คำอธิษฐาน: ข้าแต่พระบิดา ด้วยความเป็นมนุษย์ ข้าพระองค์ไม่สามารถเป็นคนดีได้ด้วยตัวเอง แต่ข้าพระองค์ทราบดีว่าพระองค์จะสามารถสำแดงแนวทางที่ข้าพระองค์จะเป็นคนที่มีเมตตาและเป็นคนดีได้ ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระองค์ ขอทรงนำทางข้าพระองค์ ขอทรงปั้นแต่งข้าพระองค์ให้เป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น และสามารถสะท้อนพระลักษณะของพระองค์ออกไป อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน
Faithful to God and Others – THA
“พระเจ้าเป็นผู้ทรงความสัตย์ พระองค์ได้ทรงเรียกท่านให้สัมพันธ์สนิทกับพระบุตรของพระองค์
คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (1 โครินธ์ 1:9)
หนึ่งในบรรดาศัตรูต่อความสัตย์ซื่อของเราต่อพระเจ้า คือการไม่ใส่ใจในพระวจนะของพระองค์ เราสูญเสียความสามารถในการรักษาความสัตย์ซื่อเมื่อเราขาดความกระตือรือร้น ความร้อนรน ความรู้สึกเมื่อเราพบพระเจ้าครั้งแรก ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลุกขึ้นพูดความจริงเพื่อเป็นพยานต่อหน้าผู้ที่หลงหาย คนเหล่านั้นที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าอย่างแท้จริง จะรู้สึกตื่นเต้นต่อทุกสิ่งที่มาจากพระเจ้า เขาจะชื่นชมยินดี เมื่อผู้หลงหายได้รับความรอด เขาจะดีใจเมื่อได้เห็นพันธกิจของพระเจ้า เขาจะกระตือรือร้นที่จะนมัสการและรับใช้พระเจ้า
หากคุณสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าอย่างแท้จริง คุณจะพบว่าตัวเองแสวงหาความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างจริงจัง คุณกำลังใช้เวลากับการสรรเสริญ ขอบคุณพระเจ้า สารภาพความผิดบาปต่อพระองค์ เงี่ยหูฟังพระสุรเสียงผ่านพระวจนะหรือไม่? ความสัตย์ซื่อเกี่ยวข้องกับความปรารถนาที่จะรู้จักสัจจะของพระเจ้า คุณกำลังมองหาทางที่คุณจะเสริมสร้างความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับหลักการ พระประสงค์ และคำสัญญาของพระเจ้าหรือไม่? คุณอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันหรือไม่?
ความสัตย์ซื่อ ไม่ได้เป็นแค่การสร้างสัมพันธภาพกับพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้เชื่อคนอื่นๆ ด้วย นั่นคือการไปนมัสการที่คริสตจักร แม้บางครั้งคุณไม่อยากจะไป และไม่อยากที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับพี่น้องในพระคริสต์ “และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรัก และทำความดี อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว” (ฮิบรู 10:24-25)
ความสัตย์ซื่อทำให้เกิดความมั่นใจอย่างลึกซึ้งว่า เราได้ติดสนิทกับพระเจ้าด้วยความผูกพัน และจะไม่มีวันแตกสลายแต่จนถึงนิรันดร ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่ประทานให้เรา จะช่วยนำให้เรามีความสัตย์ซื่อต่อพระองค์และต่อผู้อื่น
คำอธิษฐาน : ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับความสัตย์ซื่อของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพระองค์แม้ในยามที่ข้าพระองค์ไม่สัตย์ซื่อ ขอพระองค์ทรงโปรดสำแดงวิธีการพิเศษ ที่ข้าพระองค์จะสามารถสัตย์ซื่อต่อพระองค์และต่อผู้อื่นให้มากยิ่งขึ้น โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีความร้อนรน ที่จะแสวงหาพระองค์และพระคำของพระองค์ อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน
Blessings out of Blastings – THA
ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่คนชอบธรรม
พระองค์ทรงคุ้มครองเขาไว้ด้วยความโปรดปรานประดุจ เป็นโล่ป้องกันเขา (สดุดี 5:12)
มีวัฏจักรที่มักพบเห็นได้ในชีวิตคนของพระเจ้า เมื่อลำธารแห้งเหือดที่หุบเขาคีรีธและสิ้นสุดของช่วงเวลาอันเงียบสงบนั้น ฤดูกาลอันอุดมสมบูรณ์ที่เมืองศาเรฟัทก็มาถึงในชีวิตของเอลียาห์อย่างทันทีทันใด มีเรื่องน่าเศร้าที่ลูกชายของหญิงม่ายเสียชีวิต ทำให้เธอโกรธพระเจ้าและเอลียาห์ ( ดู 1พงศ์กษัตริย์ 17: 17-24)
วัฏจักรแห่งพระพรที่ตามมาจากความยากลำบาก ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับประชากรของพระเจ้า เราจะเห็นได้ว่า บ่อยครั้ง ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับบททดสอบอันยิ่งใหญ่ ฉันมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ในปี 1987 เมื่อเราก่อตั้งคริสตจักรของเรา พระเจ้าอวยพรเราในทุก ๆ ทางที่คริสตจักรจะได้รับพร มี 28 คนเข้าร่วมการประชุมครั้งแรกในห้องพักของโรงแรม จำนวนคนก็เพิ่มขึ้นเป็น 60 คนในสัปดาห์ต่อมา และผู้คนที่เชื่อและศรัทธายังคงหลั่งไหลมาเข้าร่วม ฉันพบปะกับผู้คนตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ ตอนเช้า เที่ยง และกลางคืน เพื่อขับเคลื่อนให้ทันกับการเติบโตอย่างมหัศจรรย์นี้
แต่ในปี 1989 ฉันป่วยหนักด้วยโรคปอดบวมสองครั้ง ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือนอน พระเจ้าทรงซ่อนฉันไว้เหมือนที่พระองค์ทรงทำกับเอลียาห์ และทรงวางฉันไว้ในที่เงียบสงบ เพื่อฟังเสียงของพระองค์ พระเจ้าทรงสอนฉันว่า ฉันจะปฏิบัติต่อผู้อื่นได้ก็ต่อเมื่อฉันได้ปฏิบัติต่อพระองค์ก่อน พระองค์ทรงสอนฉันอีกว่า ฉันไม่สามารถทำสิ่งต่างๆด้วยกำลังของตนเอง แต่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นกำลังที่มาจากพระเจ้า
พระเจ้าจะทรงประทานพรให้เราทุกครั้งหลังจากที่เราออกจากความยากลำบาก หากเราฟังพระสุรเสียงของพระองค์
คำอธิษฐาน:: พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับการเตือนความจำข้าพระองค์ในวันนี้ ที่ข้าพระองค์จะระลึกว่าพระองค์ทรงมีพระพรสำหรับข้าพระองค์แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ขอพระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ในการมองหาพระพรในวันนี้ อธิษฐานในนามของพระเยซู อาเมน
Facing a Crossroads – THA
และถ้าท่านไม่เต็มใจที่จะปรนนิบัติพระเจ้า
ท่านทั้งหลายจงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติผู้ใด จะปรนนิบัติพระซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติอยู่ในท้องถิ่นฟากตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส
หรือของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่
แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้า (โยชูวา 24:15)
ในพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 18 เราเห็นว่าคนอิสราเอลอยู่ที่ทางแยก
ต้องเลือกและตัดสินใจ พวกเขาสูญเสียความยำเกรงพระเจ้า พระองค์อยู่ห่างออกจากพวกเขาไกลแสนไกล พวกเขายังคงอ้างว่ายังติดตามพระเยโฮวาห์อยู่
แต่ความจริงแล้วพระองค์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันพวกเขาอีกต่อไป พระเจ้าทรงรู้ว่ามีเพียงการเตือนใจที่ชัดเจนถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์เท่านั้นที่จะปลุกคนเหล่านี้ให้ตื่นจากการหลับฝ่ายวิญญาณ
ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงใช้เอลียาห์ช่วยให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตพวกเขา
เป็นการยากจะต้านทานเอลียาห์ —เอลียาห์ ชายคนหนึ่ง ได้แสดงความแข็งแกร่งของพระเจ้า
ด้วยการต่อต้านผู้นำนอกศาสนาหลายร้อยคน
ในพระธรรม 1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 18 ข้อ 22-39 ผู้คนดูการแข่งขันที่แปลกประหลาด การถวายบูชาวัวสองตัวบนฟืนสองกองที่แยกกัน ใคร จะเป็นผู้จุดไฟอย่างเหนือธรรมชาติ—พระบาอัลหรือพระเจ้า? เอลียาห์เชื่อมั่นในความสัตย์ซื่อของพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เอลียาห์เฝ้าดูผู้เผยพระวจนะนอกศาสนา 850 คนที่พยายามปลุกพระเจ้าจอมปลอมของพวกเขาให้ตื่นจากการหลับใหล
หลายชั่วโมงที่ผู้เผยพระวจนะนอกศาสนาเต้นรำไปรอบๆ
แท่นบูชา ร้องหาพระบาอัล แม้กระทั่งใช้ดาบฟันตัวเอง
จากนั้นเอลียาห์ก็ก้าวไปข้างหน้า
เอลียาห์มองดูแท่นบูชาของพระเจ้าซึ่งผู้คนละเลย และเขาก็ซ่อมแซมอย่างระมัดระวังด้วยหิน
12 ก้อนซึ่งเป็นตัวแทนของจำนวนเผ่า 12 เผ่าของคนอิสราเอล
จากนั้นเขาก็ชุบฟืนด้วยน้ำเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นอัศจรรย์จากพระเจ้าและไม่ใช่การเล่นกลของเขา
เมื่อพระเจ้าทรงจุดไฟให้ฟืนนั้น ก็ทำให้ประชาชนอิสราเอลได้เห็น “เมื่อคนทั้งปวงเห็นเช่นนี้ก็ก้มลงกราบและร้องว่า
‘องค์พระผู้เป็นเจ้า—พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า!
องค์พระผู้เป็นเจ้า—พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า!‘” (1 พงศ์กษัตริย์ 18:39 )
เรามีอำนาจของการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ในการที่จะจุดไฟในตัวเรา
ชำระล้างและชำระเราให้บริสุทธิ์ เมื่อเราเผชิญกับทางแยก เราต้องเลือกและตัดสินใจในชีวิตด้านฝ่ายวิญญาณ
เราสามารถที่จะหันไปหาพระเจ้าเพื่อเดินในทิศทางที่ถูกต้องได้เสมอ
คำอธิษฐาน: พระบิดา
ขอบพระคุณสำหรับความกล้าหาญของเอลียาห์ที่ยืนหยัดต่อสู้กับผู้นำนอกศาสนา
ข้าพระองค์ขออธิษฐานขอพระองค์ทรงช่วยให้ข้าพระองค์ในการเลือกสิ่งที่ถูกต้องเมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ต้องเลือก อธิษฐานในนามของพระเยซู อาเมน
God’s Strategies – THA
ขอพระเป็นเจ้าทรงนำใจของท่านทั้งหลายให้เข้าถึงความรักของพระเจ้า
และถึงความมั่นคงของพระคริสต์
( 2 เธสะโลนิกา 3:5)
เอลียาห์พลิกวิกฤติในชาติของเขา แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคนเดียวกับทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด
หญิงม่ายสร้างความแตกต่างด้วยการทำเค้กก้อนสุดท้ายไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองแต่เพื่อคนของพระเจ้า
พระเจ้าได้ใส่ภาระใจในหัวใจของคนของพระองค์
และอวยพรพวกเขาที่เชื่อฟังและยอมทำตามพระประสงค์ของพระองค์
บ่อยครั้งที่วิธีการของพระเจ้าไม่สมเหตุสมผลสำหรับเรา เพราะเรามีวิสัยทัศน์ที่จำกัดไม่เหมือนพระองค์
เมื่อพระเจ้านำเอลียาห์เข้ามาในใจกลางดินแดนของศัตรู พระองค์ทรงรู้ว่านั่นเป็นที่สุดท้ายที่ทหารของกษัตริย์อาหับจะตามหาเขา พระเจ้ายังทราบด้วยว่าการไปที่เมืองศาเรฟัทจะช่วยเอลียาห์ให้พ้นจากความอดอยาก แม้ว่าสามัญสำนึกจะบอกว่าแม้ไปที่เมืองศาเรฟัทก็มีความอดอยากเช่นกัน
ที่สำคัญกว่านั้น
พระเจ้าแสดงให้เอลียาห์เห็นว่าพระองค์ทรงห่วงใยหญิงม่ายผู้นมัสการพระบาอัลและห่วงใยครอบครัวของเธอด้วย
พระเจ้ามักจะมีวัตถุประสงค์หลายอย่างในขณะที่พระองค์ทรงดำเนินการในหลายด้านพร้อมกัน
หากเราทำตามการทรงนำของพระองค์ เราจะได้รับพรและอาจจะเป็นเครื่องมือของพระองค์ในการส่งต่อพรแก่ผู้อื่น
พระเจ้าเคยกระตุ้นคุณให้ทำบางสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลในตอนนั้น แต่นั่นคือการทำตามพระประสงค์ของพระองค์ไหม? พระเจ้ากำลังขอให้คุณเคลื่อนออกจากพื้นที่สบาย
ๆ กับผู้คน อาชีพการงาน หรือการเงินของคุณหรือไม่?
พระองค์กำลังกระตุ้นใจของคุณให้มองหาแนวการปฏิบัติใหม่ๆ ในงานพันธกิจหรือในความสัมพันธ์ของคุณกับพระองค์หรือไม่?
คำอธิษฐาน: พระเจ้า วิธีการของพระองค์บ่อยครั้งทำให้ข้าพระองค์รู้สึกอึดอัดและสับสน
แต่ข้าพระองค์จะเชื่อฟังการทรงเรียกของพระองค์ เพราะข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์มองเห็นในสิ่งที่ข้าพระองค์มองไม่เห็น
ข้าพระองค์เชื่อว่าเมื่อข้าพระองค์เชื่อฟังพระองค์ พระองค์จะทรงอวยพรข้าพระองค์และใช้ข้าพระองค์เพื่อเป็นพรแก่ผู้อื่น
อธิษฐานในนามของพระเยซู อาเมน
Principles of Powerful Prayer – THA
แต่พระองค์เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน (ลูกา 5:16)
พระธรรมยากอบ บทที่ 5 ข้อที่17 บอกเราว่า “เอลียาห์เป็นมนุษย์ที่มีสภาพเหมือนกับเรา”
แต่เขาก็ยังมีบทบาทในการสำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในบางเรื่องที่น่าอัศจรรย์ที่สุด
ซึ่งเห็นได้จากเรื่องราวในพระคัมภีร์ (ดู ยากอบ 5:16-18; 1 พงศ์กษัตริย์ 17 :17-24, 18:16-46).
อะไรที่ทำให้เอลียาห์ เป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับผู้ที่ยังไม่เชื่อ
ศัตรู และผู้นำทางการเมือง? พระเจ้าจะทรงใช้คนแบบไหนเหมือนที่พระองค์ทรงใช้เอลียาห์? หลักการ
6 ประการ ทำให้เอลียาห์มีประสบการณ์ในพลังส่วนตัวอย่างมากมายรวมถึงการติดสนิทกับพระเจ้าด้วย
วันนี้เราจะดู 3
ประการกันก่อน
ประการแรก การตอบสนองของเอลียาห์ต่อหญิงม่ายชาวฟินีเซียนสามารถใช้เป็นการศึกษาเรื่องการละทิ้งตนเองและปล่อยให้พระเจ้าเข้ามาทำงานแทนที่
เมื่อหญิงม่ายโจมตีเขาด้วยคำพูด เอลียาห์ไม่ได้ปกป้องตัวเองหรือให้บทเรียนจากพระคำพระเจ้าในพระคัมภีร์แก่เธอ
เขาแค่อุ้มลูกชายของเธอไว้ในอ้อมแขนและพยายามช่วยเธอ
เขารู้ว่าเธอกำลังพูดจากความเจ็บปวดเนื่องจากการตายของลูกชายของเธอและความรู้สึกผิดที่เธอได้รับจากความเชื่อนอกศาสนาของเธอ
เขาไม่จำเป็นต้องชี้ให้เห็นถึงความคิดที่ผิดของเธอ แต่เขายอมให้พระเจ้าทำงานในเรื่องนี้
ประการที่สอง เอลียาห์ถามพระเจ้าเป็นการส่วนตัวในห้องอธิษฐานของเขาเท่านั้น
เอลียาห์ดำเนินชีวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า เขารู้ว่าพระเจ้าต้อนรับเขาให้พูดถึงความผิดหวังของเขา
เช่น ลูกชายของหญิงม่ายที่ตาย เอลียาห์ไม่ได้ทำให้ความศรัทธาของหญิงม่ายที่กำลังเติบโตและกำลังมีปัญหาอยู่แล้วอ่อนแอลงด้วยคำถามของเขา แต่เขาได้เก็บคำถามไว้จนกว่าเขาจะอยู่กับพระเจ้าตามลำพัง
ประการที่สาม เอลียาห์ยังคงอธิษฐานอย่างแรงกล้า
เอลียาห์อธิษฐานเผื่อลูกชายของหญิงม่ายถึงสามครั้ง เอลียาห์ไม่มีหนทางในการจัดการกับสถานการณ์นี้
ดังนั้นเขาจึงได้แต่อธิษฐานต่อไป
คำอธิษฐาน: พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับแบบอย่างของเอลียาห์
ที่ช่วยข้าพระองค์นำหลักการของการอธิษฐานเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตการอธิษฐานประจำวันของข้าพระองค์ อธิษฐานในนามของพระเยซู อาเมน